Powered By Blogger

หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เรียนไม่ดี ก็มีทุนได้

วันนี้ ไปรับทุนการศ฿กษาจากมูลนิธิวัดบางช้างเหนือ อำเภอสามพราน
พบปะเพื่อนครู โรงเรียนต่าง ๆ หลายคน ได้สนทนาพูดคุยกันตามประสา
ไม่ได้เจอกันมานานวัดบางช้างเหนือ ได้จัดตั้งมูลนิธิ นำดอกเบี้ยบริจาค
เป็นทุนการศึกษาแก่เด็กประพฤติดี แต่ยากจน เพราะยังมีอีกมาที่ครอบครัว
ยากจน แต่เรียนไม่เก่ง แต่ประพฤติดี พวกนี้น่าสงสาร เพราะทุนการศึกษา
ส่วนใหญ่ มุ่งให้เด็กเรียนดี แต่ยากจน แต่เด็กที่เรียนไม่เก่ง แต่ประพฤติดี
ไม่เคยได้ทุน คนจึงไม่อยากประพฤติดี (ความเห็นส่วนตัว) เพราะเขาคงคิดว่า
ทำไปแล้วไม่เห็นได้อะไร ก็เลยเลิกเป็นคนดีเสียเลย ประเภทนี้น่าจะมีแย๊ะ
ก็เห็นตำรวจกวดจับพวกชอบซิ่งทั้งหลาย พวกนี้ไม่ใช่พวกเรียนดีหรอกนะ
ผมคิดว่าหากเอาคนเรียนไม่เก่งให้เป็นคนดี รู้จักยกย่องความดีเล็ก ๆ ในตัวเขา
ให้เห็นคุณค่าของความดีที่เขามี ผมคิดว่า เด็กเหล่านี้อาจจะไม่คิดอยากทำ
สิ่งไม่ดี เพราะจิตใต้สำนึกคอยเตือนว่า ทำดีแล้วมีคนเห็น และรู้สึกละอาย
ไม่คิดกระทำการหรือสิ่งที่ไม่ดี ก็ได้
ขอขอบพระคุณท่านหลวงพ่อวัดบางช้างเหนือ ที่ท่านเห็นความสำคัญ
ของการเป็นคนที่มีความประพฤติดี มากกว่าคนที่เรียนดี จึงมอบหมายให้
โรงเรียนคัดเลือกนักเรียนที่มีความประพฤติแต่ยากจนเพื่อขอรับทุนของมูลนิธิถือว่า
ท่านเห็นความสำคัญของการสร้างคนให้มีคุณธรรม มากกว่าการสร้างคนเก่ง
เพราะคุณธรรมสร้างไม่ได้ คนเก่งสร้างได้ จริงไหมครับ

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เฟิน หรือ นี่ ?


วันหนึ่ง ได้ไปเข้าชมงานพฤษาสยาม ที่ห้างดัง แถว ๆ บางแค
พบเฟินกระถางนี้แหละ รู้สึก ทึ่งมาก ๆ เจ้าของเขาดูแลดีมาก ก้านยาว
จนเจ้าของต้องทำขาตั้งเสียสูงเลย คนรักต้นไม้ชื่นชอบกันใหญ่ ราคา หยิบไม่ลงเลยละครับ
ที่สำคัญ หากมีใบหลุดล่วงเจ้าของรีบเก็บเลย กลัวคนอื่นเอาไปทำพันธุ์ มั๊ง!

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Sri Lanka










วันก่อน ฉันได้ ไปเที่ยว
ที่เดียว มีพุทธ นับถือ
ศรีลังกา เมืองนี้ ล่ำลือ
นับถือ พุทธะ เหมือนไทย

ผู้คน เป็นมิตร ไมตรี
ทุกที่ สั่งสอน บุตรให้
เข้าวัด ด้วยความ เต็มใจ
ศีลธรรม มีใน ใจคน

ทุกเย็น พากัน แต่งขาว
หนุ่มสาว มิคิด หน่ายหนี
ทำบุญ ภาวนา สิ่งดี
ชีวี มีสุข เหลือเกิน

เด็กไทย หากทำ เช่นนี้
จะเกิด สิ่งดี เป็นแน่
ไม่ต้อง มีการ รังแก
ตีกัน พ่อแม่ ร้อนใจ

ศอ. นอ. สมชาย พาให้
พบใน สิ่งที่ สุขศรี
ปีนี้ ขอให้ โชคดี
คศ.3 จงมี มาเทอญ

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เดือน กับ ธรรม


ตัวฉัน นั้นอยาก เป็นเดือน
แต่จิต คอยเตือน ว่าห่วง
หากว่า เดือนนั้น ถูกลวง
เป็นห่วง อยู่เดียว ดั่งเธอ
หากอยู่ เดียวดาย แน่แท้
ขอแค่ มีธรรม เคียงฉัน
ชีวิต คงมี สักวัน
เข้าถึง ธรรมนั้น เป็นพอ

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ฉันกับปิ่นโตคุณธรรม(ตอนที่ 1)

สมัยก่อน เมื่อผมยังเป็นเด็ก เรียนระดับประถมปลายชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 (ป.7) พ่อผมให้ผมไปช่วยดูแลเสื่อกก ที่พ่อผมซื้อจากชวาบ้านที่ทอเสื่อกกเป็นอาชีพเสริมหลังจากฤดูทำนา สมัยนั้นราคาเสื่อกกขนาด 12 คืบ ผืนละประมาณ 8 - 10 บาท การขนส่งต้องนั่งเรือจากบ้านแล้วมาขึ้นที่สถานีรถไฟ ชื่อสถานีโยทะกา อ.องครักษ์ จ.นครนายก ทั้ง ๆ ที่บ้านผมอยู่อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ระหว่างที่นั่งรถไฟเข้ากรุงเทพ ตื่นเต้นมาก เกิดมาไม่เคยนั่งรถไฟ ไม่เคยเข้ากรุงเทพ คืนนั้นนอนไม่หลับเลย ระหว่างทางหิว มีของขายมากมายทั้งถั่วต้ม อ้อยควั่น โอเลี้ยง ข้าวผัด ปลาทอดมันชิ้นบาง ๆ ร้อยด้วยตอกเป็นพวง น่ากินจริง ๆ แต่พ่อก็ไม่ยอมซื้อให้กิน พอกลางวัน พ่อก็เอาปิ่นโตข้าวที่ใส่มากับชลอมมะดันสดเพื่อไปฝากพี่ชาย และญาติ ๆ ออกมาให้เรากินบนรถไฟอย่างหน้าตาเฉยเลย ผมก็อายคนบนรถที่มองเราพ่อลูกกินข้าวจากปิ่นโต กันอย่างอเร็ดอร่อย พ่อบอกว่ากิน ๆ เข้าเดี๋ยวถึงแล้ว จะได้มีแรงขนเสื่อลงจากรถไฟ การขายเสื่อกกครั้งนั้นประทับใจผมจริง
จากนั้นไม่นาน ผมก็เรียนจบ ป.7 ชั้นสูงสุดของโรงเรียน อยากเรียนต่อ แต่พ่อก็ไม่พาไปสมัครเข้าเรียนซักที่ จนเกือบหมดเขตรับสมัครสอบ โรงเรียนประจำจังหวัดพ่อจึงได้พาไปสมัครสอบ หลังจากนั่งเรือจากบ้านกลางดึก ไปตามลำน้ำบางประกง ถึงเช้าจึงถึงตัวจังหวัดปราจีนบุรี ด่านแรกคือให้พ่อพาไปซื้อรองเท้านักเรียนใส่ก่อน เพราะที่โรงเรียนวัดข้างบ้านไม่ต้องใส่รองเท้ากันก็ไปเรียนได้ จากนั้นก็อาศัยวัดหลวงปรีชากูลเป็นที่พำนัก ต้องหิ้วปิ่นโตตามหลวงตาไปบิณฑบาตรทุกเช้า เติบโตมาจากข้าวก้นบาตร และอาหารจากปิ่นโตนั่นแหละ จากนั้นมาเรียนครูที่วิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ กทม. ก็ห่างจากปิ่นโตไประยะหนึ่ง พอมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ อาจารย์จากที่นั่นท่านก็อุตส่าห์พาไปฝากให้อยู่กับพระที่วัดพระงาม ที่ต้องพึงพาวัดเพราะทางบ้านผมยากจนที่พึงของผู้ยากไร้คือวัดดีที่สุด อยู่ที่นครปฐมนี่ วิถีชีวิตเปลี่ยนไป จากเดิม วัดที่ปราจีนบุรี พอช่วงเข้าพรรษาอาหารบริบูรณ์ พอออกพรรษาอด อดมาก ๆ ชนิดต้องเก็บยอดกระถินริมรั้ววัดจิ้มกับน้ำปลาพริก มาอยู่วัดที่นครปฐมนี้ อุดมสมบูรณ์ตลอดปี ไม่มีมื้อใดที่อดเลย แต่ที่เหมือนกันคือ ทุกเช้าต้องหิ้วปิ่นโตเดินตามพระไปรับบาตร ก็กินอาหารเหลือจากพระนั่นแหละ ประหยัดเงินดีเพราะไม่ต้องซื้อ ที่พักไม่ต้องเช่า แต่ผมก็ตอบแทนพระท่านด้วยการเป็นเด็กวัดที่ดี เก็บกวาดเช็ดถู ทำทุกอย่างที่พระท่านประสงค์ รับใช้ท่านเป็นการตอบแทน ผมรบกวนเงินทางบ้านเพียงค่าหน่วยกิจ และใช้จ่ายประจำเดือน ๆ ละไม่ถึงพันบาท แค่นี้ พ่อผมก็บ่นให้น้อยใจเรื่อยว่า หากเรียนตกเมื่อไร จะให้ออกมาไถนา ผมกลัวการไถนาก็เลยต้องขยันเรียน ก็ทำนาเมื่อสมัยก่อนนั้น (40 ปีที่ผ่านมา) ต้องแบกไถจากบ้านไปท้องนาเองไกลแสนไกล วัวก็ต้องจูง แดดก็ร้อน หิว เหนื่อย ร้อน แถมเดินตีนเปล่า(ไม่ใส่รองเท้าเพราะไม่มี) อะไรจะสาหัสขนาดนั้น สู้ทำนาสมัยนี้ไม่ได้ผิดกันลิบลับ มีรถไถนา ทั้งชนิดนั่งขับ ฃนิดเดินตาม ปีทำนาได้ตั้งหลายครั้ง จริงไหมครับ