Powered By Blogger

หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

เมื่อครูไทย ไปรัฐสภา











รัฐบาลมีนโยบายในการสร้างภาคีเครือข่าย ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยให้กับข้าราชการโดยกำหนดให้ผู้บริหารโรงเรียนทั่วประเทศ เข้าไปร่วมสัมมนา การจัดกิจกรรมภายใต้โครงการที่ชื่อว่า "การเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขแก่ผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน " รุ่นนี้ มากัน 11 จังหวัด คือสุโขทัย,อุตรดิตถ์,เลย,หนองคาย,อุดร,หนองบัวลำภู,นครปฐม,สุพรรณบุรี,ราชบุรี,สุราษฎร์ธานี,นครศรีธรรมราช เป็นรุ่นที่ 26 ก็ประมาณ เกือบ 700 คน วิธีดำเนินการสัมมนา ก็น่าสนใจ โดยการเชิญ ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาล และ ฝ่ายค้าน ตลอดจน ส.ว. มาร่วมอภิปราย ตามหัวข้อที่กำหนดให้ และเปิดโอกาสให้บรรดาผู้บริหารสถานศึกษาทั้ง 11 จังหวัด ได้มีโอกาสซักถามและอภิปราย โดยบรรยากาศต้องให้เหมือนเวทีที่ ส.ส. ประชุมสภา อย่างไงอย่างงั้นเลย

ตามความคิดของผมแล้ว ผมว่าการมาครั้งนี้ คุ้มค่ามาก ได้เห็นเวทีแห่งรัฐสภาจริง บรรยากาศเสมือนการประชุมส.ส.จริง ซักถามกันอย่างเผ็ดมัน แต่ที่สำคัญคือ ได้เพื่อนครับ ก็เพื่อนมากันตั้ง 11 จังหวัด และ เกือบ 700 คน ส่วนใหญ่ทุกคนตั้งใจมา และเพื่อน ๆ ที่อยู่ไกลก็นั่งรถนานหน่อย ค้างคืนกันบนรถ มาถึงรัฐสภาแต่เช้า แถมยังเข้ารัฐสภาไม่ได้อีก พอถึงเวลาอภิปรายก็มีการเหน็บแนม ว่าพวกครูเข้ารัฐสภาตรงเวลา แต่ส.ส.ที่ประชาชนเลือกเข้ามา ทำไมเข้าสภาช้ามาก ๆ ไม่ตรงเวลาเสียเลย เล่นเอาได้เสียงฮาใหญ่ได้เวลากลับเวทีสัมมนาก็ยุติได้ ตรงเวลา เพราะเห็นใจบรรดาผู้บริหารที่อยู่ไกล ๆ แถมพกด้วยอาหารว่างเอาไปทานบนรถด้วย

ข้อซักถามของสมาชิก นัยว่า จะนำเสนอรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขตามคำเรียกร้อง ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่รัฐบาลจัดกิจกรรมนี้ อย่างน้อยทำให้ระลึกถึงว่าองค์พระปกเกล้า ท่านสละพระราชอำนาจเพื่อปวงชนชาวไทย มิใช่ให้ให้คนใดคนหนึ่ง ซึ่งผมได้ถ่ายพระราชหัตถเลขาของมาพระองค์มาไว้แล้วละครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

เที่ยวงาน otop midyear 2010 (ครั้งที่ 2)






เมื่อปีที่แล้ว ผมได้มาเที่ยวงาน otop midyear 2009 ถึง 2 วัน ติดใจครับ ก็เขาตั้งใจนำสินค้า ที่ได้รับการคัดสรร มาแสดงและจำหน่ายกัน ทั้งที ผมในฐานะพลเมืองดีก็ไปสนับสนุนเป็นธรรมดาครับ

สำหรับงาน otop midyear 2010 ปีนี้ ผมก็ต้องมา ตามที่ใจปรารถนา มาปีนี้ มีสมาชิกติดตามหลายคน วันว่างที่สุดก็คือวันสุดท้ายของงาน คือวันที่ 29 สิงหาคม 2553 แล้วละครับ คนเย๊อะมากครับ สินค้าก็ลดกระหน่ำในชั่วโมงนาทีทอง ร้านแรกที่ผมหมายตาไว้ว่าต้องซื้อของติดมือกลับบ้านให้ได้ คือ ชาครับ เพราะผมนิยมชมชอบชา เพราะเพียงดื่มชาเพื่อสุขภาพครับ ก็อายุมากแล้วนี่ครับ ก็ต้องเลือกนะครับ บางร้านก็ขอแค่ราคาทุน เพราะไม่ต้องการขนของกลับบ้าน บางร้านก็ยังใจแข็งไม่ยอมลดราคา ผมเข้าใจเขานะครับ ชาบางชนิด หนึ่งปี เก็บได้ครั้งเดียวเอง เช่นชาน้ำค้าง เป็นต้น

แต่ที่น่าเวียนหัวมาก ๆ คือ บริเวณศูนย์อาหาร คนรอคิวนั่งโต๊ะ เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีเลยครับ เพราะอะไรน่ะหรือครับ ก็เพราะว่า ปีนี้ผมว่าราคาอาหารถูกนะ ถูกกว่าปีที่แล้วคนก็อุดหนุนกันคับคั่ง ทุกสิ่งทุกอย่างของงานปีนี้สัมผัสได้ หยิบเลือกชมได้อย่างใกล้ชิด และเป็นกันเอง อีกสิ่งที่เห็นก็รอยยิ้มของผู้ที่นำสินค้าของกลุ่มตนเองได้มาจำหน่ายได้เงินกลับบ้าน บางร้าน หรือบางคูหา ก็ขายไม่ได้นั่งเซ็งก็มี บางร้านของขายหมดแล้ว แต่ยังรอส่งของ และมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าอีก คุยกันบางร้านบอกว่า ปีนี้ได้ oder งานหลายชิ้นเกรงจะทำไม่ทัน แบบนี้ก็มี เห็นแล้วปลื้มแทน

สรุปตามประสาผมนะครับ ผมว่างานแบบนี้ดีมากครับ ให้กลุ่มผู้ผลิต พบกับผู้บริโภคโดยตรง โดยผู้บริโภคไม่ต้องเดินทางไปซื้อถึงที่ หรือไม่ต้องซื้อผ่านพ่อค้าคนกลาง ขอให้มีทุก ๆ ปีนะครับ(รัฐบาล) ปลายปีว่าจะหาโอกาสมาอีก แล้วท่านละครับ ไปเที่ยวงาน otop ของไทยเรา กันบ้างหรือยัง หากยังปลายปีมีอีกครั้ง มาอุดหนุนสินค้าของคนไทยกันนะครับ