Powered By Blogger

หน้าเว็บ

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

แด่....พี่จิ๋ม ด้วยดวงใจ

แด่...พี่จิ๋ม ด้วยดวงใจ
ก่อนนั้น พวกเรา จำได้
คนไกล ผู้หนึ่ง มุ่งมา
เป็นครู วัดปรี คลองจินดา
ชื่อว่า สุดารัตน์ นวลอนงค์

เมื่อก่อน ปรีดาราม ลำบาก
เข้ายาก ออกไม่ได้ น่าผวา
ขาดน้ำ ประปา ทุก ๆ ครา
เย็นมา ขาดไฟ ใจระทวย

กลางคืน จุดเทียน เขียนแผน
สุดแสน ระอา เพราะยุงกัด
ข้าวปลา อาหาร ลำบากนัก
เธอก็รัก จะอยู่ เป็นครูดี

เธอได้ พบคู่ สุขสม
มีบุตร ชื่นชม ถึงสอง
ปอนด์ – มาร์ค เด็กดี ไม่มีรอง
เขาทั้งสอง รักแม่ ดั่งดวงใจ

จากปรีดา ย้ายมา สรรเพชญ
เธอเสร็จ ภารกิจ สบายใหญ่
ใกล้บ้าน ไป – มา สบายใจ
เดินทาง ไปไหน สะดวกดี

จากนี้ ขอให้ เธอพัก
ร่างกาย เพื่อจัก สู้ใหม่
สู้เพื่อ ลูกหลาน ยาใจ
พักกาย พักใจ ราชการ

ขอให้ สุดารัตน์ มีสุข
หมดทุกข์ โรคภัย ทั้งผอง
มีเงิน ไหลมา เป็นกอง
เนืองนอง มีสุข ตลอดกาล

จาก
ประสิทธิ์ - รวีวรรณ รื่นกลิ่น
ครูเก่าปรีดาราม

พี่จิตรา ....ที่รักของพวกเรา




พี่ตา.......ที่รักของพวกเรา

เมื่อครั้ง ที่เรา มาอยู่
ปรีดาราม มีครู รุ่นพี่
เสียงดัง ฟังชัด ถนัดดี
โอบอ้อม อารี กับทุกคน

จิตรา คือพี่ คนนี้
คนที่ พวกเรา กล่าวถึง
ความหลัง ยังคง ตราตรึง
นึกถึง ทุกครา สุขใจ

ครั้งใด ที่เรา หิวข้าว
พี่สาว ช่วยหา มาให้
ชวนพี่ ชวนน้อง มาไว
พี่ทำ ให้เธอ กินกัน

พี่สอน เด็กเด็ก เก่งนัก
ปักหลัก ป.1 คงที่
ต่อมา ได้ทำ ความดี
เลื่อนพี่ มาทำ การเงิน


พี่บอก ว่าฉัน ครูเก่า
ไม่เอา คอมพิวเตอร์ หรอกน้อง
ครูเก่า อย่างฉัน ขอจอง
เจ้าของ พิมพ์ดีด เป็นพอ

การเงิน ในนอก รู้รอบ
ตามระบอบ ราชการ ถ้วนถี่
จ่ายงบ ถูกต้อง ทุกที
เป็นที่ ไว้เนื้อ เชื่อใจ

จากเด็ก มาถึง บัดนี้
คุณพี่ อายุ ครบเกษียณ
พี่บอก ลาพวก นักเรียน
จงพากเพียร เมื่อไม่ มีครู

ขอพี่ จงมี แต่สุข
หมดทุกข์ โรคภัย อย่าหา
เงินทอง กองโต มหึมา
มีสุข ทุกเพ - - ลาเทอญ

ด้วยรัก…จากใจ
ประสิทธิ์ - รวีวรรณ รื่นกลิ่น
ครูเก่า ปรีดาราม

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

แผนที่คนดีของ.... ลุงนพ : ผู้ใจดี


ลุงนพ : ผู้ใจดี
“ลุงนพ , น้านพ , พี่นพ” เป็นเสียงที่เรียกกันติดปากของเด็กๆ
ในละแวกชุมชนปลายคลองตาปลั่งไม่ว่าเด็กเล็กหรือเด็กโต ทุกคนจะรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี
ลุงนพ ของเด็กๆเป็นชายรูปร่างสัดทัด ผิวเข้ม สวมแว่นตา อายุ ๔๙ ปี
พื้นเพเป็นคนหนองนางแบน หมู่ที่ ๕ ตำบลตลาดจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มีอาชีพเป็นนักการภารโรงของโรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาราม ลุงนพปรารภให้ฟังว่า “ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีจึงหาอาชีพเสริมด้วยการขับรถรับส่งนักเรียนเพื่อมาช่วยจุนเจือครอบครัวและส่งเสียลูกๆให้เรียนหนังสือลูกจะได้มีอนาคตที่ดี ” เด็กๆรักลุงนพมากเพราะลุงนพเป็นคนใจดี มีน้ำใจ ภาพที่เห็นลุงนพจะขับรถไปรับ และส่งเด็กๆทุกคนอย่างปลอดภัย เด็กๆไม่ต้องข้ามถนน ไม่ต้องกลัวเปียกฝนถ้าวันไหนฝนตกลุงนพจะส่งถึงหน้าบ้าน ลุงนพเล่าให้ฟังว่า “ลุงนพเคยสูญเสียภรรยาและลูกสาวจากอุบัติเหตุมาแล้วจึงไม่อยากให้คนอื่นต้องสูญเสียและเสียใจอย่างลุงนพ ” ลุงนพพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขและน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า “เด็กๆทุกคนเหมือนลูกของเรา เรารักลูกของเราอย่างไร เราอยากให้ลูกของเราปลอดภัยอย่างไร คนอื่นก็ต้องการอย่างนั้น ช้านิด ช้าหน่อยไม่เป็นไร ขอให้เด็ก ๆ ทุกคนปลอดภัยก็พอใจแล้ว”
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กๆทุกคนจึงรักและประทับใจในการบริการของ ลุงนพ จนเด็ก ๆ ให้ฉายา ลุงนพ ผู้ใจดี

เรียบเรียงโดย นางเพียงใจ ใจกล้า
ครูโรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาราม สพท.นฐ. 2

แผนที่คนดีของ...ประเทือง : นักสู้ชีวิต


ประเทือง : นักสู้ชีวิต
ประเทือง นักสู้ชีวิตซึ่งไม่ยอมแพ้หรือย่อท้อต่อโชคชะตาชีวิตของตนเอง ตั้งแต่
จำความได้ประเทืองสู้ชีวิตมาตั้งแต่เล็ก
ประเทือง หญิงสาววัย ๔๘ ปี เล่าให้ฟังว่าครอบครัวเธอมีฐานะความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดีนัก พ่อล้มป่วยและเสียชีวิตลง แม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว ประเทืองเป็นพี่สาวคนโตจึงต้องรับภาระดูแลน้อง ๆ จำนวน ๖ คน เพราะแม่ไปค้าขายครั้งละหลาย ๆ วัน ประเทืองต้องไปขอความช่วยเหลือจากป้าที่อยู่ข้างบ้าน
เป็นประจำ เมื่อเข้าสู่วัยสาวได้แต่งงานกับหนุ่มใกล้บ้านมีบุตร – ธิดา รวม ๓ คน หลังจากคลอดบุตรคนที่ ๓ ได้ไม่นานสามีของเธอก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทิ้งลูก ๓ คนให้ดูแลเพียงลำพัง เธอก็เล่าต่อไปว่า ต่อมาได้พบรักใหม่กับหนุ่มบ้านไกลเมืองปราจีนบุรี หวังว่าจะมีที่พึ่งใหม่ มีบุตรด้วยกัน ๒ คน ประเทืองบอกว่าความหวังที่จะได้พึ่งสามีใหม่กับล่มสลาย เพราะเขาสุขภาพไม่ดี ไม่สามารถทำงานได้ ประเทืองต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูบุตรและครอบครัวเพียงผู้เดียว โดยการทำสวนบ้าง ค้าขายบ้าง และรับจ้างทั่วไป เพื่อส่งเสียลูกเรียน โดยหวังให้ลูกเป็นคนดีและมีงานทำ เธอทำงานด้วยความขยัน และไม่ย่อท้อต่อชะตาชีวิตไม่มีสักวันที่ประเทืองจะหยุดงาน แม้นฝนจะตก แดดจะร้อนสักเพียงใด ประเทืองก็ยังมุ่งมั่นทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว
ประเทืองยังสู้ชีวิตต่อไปและมีความหวังที่ส่งบุตรชายคนสุดท้องให้มีการศึกษาสูง ๆ ทำงานดี ๆ เป็นที่พึ่งของเธอยามแก่เฒ่า เธอยึดมั่งในอาชีพเศรษฐกิจพอเพียง หาเลี้ยงครอบครัวอย่างอดทน มิย่อท้อต่อความยากลำบาก เธอหวังว่าสักวันหนึ่งโชคชะตาฟ้าบันดาลให้เธอได้ประสบ สมหวังตามที่ตั้งใจไว้ นี่แหละคือความดีของคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง

นางจิตรปวีร์ ประจักษ์จิตร์ ผู้เรียบเรียง
ครู โรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาราม สพท.นฐ.2

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

แผนที่คนดีของ พี่รัตนา (พี่แอ๊ด) : ผู้ยึดมั่นวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง


พี่รัตนา (พี่แอ๊ด) : ผู้ยึดมั่นวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง

พี่แอ๊ด เป็นคนกรุงเทพมหานครโดยกำเนิด เติบโตท่ามกลางแสงสีแห่งความรุ่งเรือง แต่กลับมาใช้ชีวิตในชนบทที่ห่างไกลความเจริญอย่างพอเพียงและมีความสุข
เมื่อรุ่นสาวพี่แอ๊ดเปิดร้านขายของอยู่กับพ่อแม่ย่านบางแค ต่อมาได้พบรักและสมรสกับ พันจ่าอากาศเอกเยื่อ จินดาโสม ชีวิตจึงจำเป็นต้องย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ของสามีที่บ้านปลายคลองตาปลั่ง ต.ตลาดจินดา อ.สามพราน ในสมัยนั้นลำบากมากเพราะดูแลลูกเพียงผู้เดียวเนื่องจากสามีไปรับราชการทหารในหน่วยสื่อสารต่างจังหวัด พี่แอ๊ดมีบุตร 2 คน คนโตเป็นหญิงและคนเล็กเป็นชายลำพังเงินเดือนทหารไม่พอกับค่านมลูกและค่ากับข้าว จากที่ไม่เคยจับจอบเสียมกลับต้องมาทำสวนเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว พี่แอ๊ดบอกว่า “ในตอนเริ่มแรกทำงานจนมือพอง ปวดหมดทั้งตัว ตอนกลางคืนน้ำตาพี่ไหล แต่ด้วยความรักลูกรักผัว ก็ต้องอดทน” ความอดทนเท่านั้นที่จะทำให้เราอยู่ได้ ไม่เคยคิดอะไรไม่ฟุ้งเฟ้อ ทำเท่าที่ทำไหว เริ่มตั้งแต่ปลูกต้นกล้วยตานีตัดใบขาย ปลูกมะม่วง มะพร้าว ดอกกุหลาบ ดอกมะลิและดอกจำปี เก็บผลผลิตได้ก็ส่งตลาด กอปรกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รายได้น้อยไม่พอกับรายจ่าย จึงจำเป็นต้องพลิกแพลงหันมาร้อยพวงมาลัยเป็นอาชีพเสริมอีกอย่างหนึ่ง พี่แอ๊ดบอกว่า “พวงมาลัยน่ะ ใคร ๆ ก็ร้อยได้ แต่เวลาขายนี้ซิจำเป็น พี่เริ่มร้อยและขายตั้งแต่ ตีสี่” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แม่ค้าส่วนใหญ่ พึ่งเริ่มไปจ่ายตลาด ถ้าถามว่าลำบากมั๊ย บอกได้ว่าลำบากมากแต่ก็เป็นสุขใจ ที่หาเงินมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงจากสองมือเรา ถือเป็นแบบอย่างให้ลูกดูว่าแม่ไม่เคยย่อท้อ ไม่ฟุ้งเฟ้อ รู้จักพอ จะทนเพื่อลูกต่อไปจนกว่าจะเรียนจบ
ครอบครัวคือสถาบันแรกของสังคมและเป็นสถาบันที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากที่สุด ความรักความอบอุ่น ความพอดีและความพอเพียงเท่านั้นที่จะสร้างสถาบันนี้ให้มีประสิทธิภาพและทรงคุณค่าสืบไป
นางธันย์จิรา ลิมปนเวทยานนท์ ผู้เรียบเรียง
โรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาราม สพท.นฐ. 2

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

กิสนา น่ากลัว


เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2552 มีข่าวว่า พายุโซนร้อน ชื่อ "กิสนา " ฟังข่าวแล้วนึกว่าชื่อ "กฤษณา " เป็นชื่อไทย ๆ เสียอีก เพราะชื่อ ไทย ๆ ทำเอาฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และจีนอ่วมมาแล้ว ในพายุชื่อไทยว่า" มรกต "
กิสนา ได้ข่าวว่ารุนแรงมาก ขนาดมีน้ำท่วมสูงถึง 6 เมตร เห็นผู้คนต้องปินป่ายหนีน้ำอยู่บนสายไฟ สายโทรศัพท์ เห็นแล้วน่าเห็นใจ ในภาวะทุกข์ยากเช่นนี้จริง ๆ อกเขา อกเรา หนังสือพิมพ์ รายงานว่า นี่แหละผลกระทบจากภาวะโลกร้อนละ อะไรที่เกิดขึ้นจะรุนแรง และไม่เป็นไปตามฤดูกาล แว่ว ๆ มามาว่า เมืองไทยก็ หนีไม่พ้น เราต้องเตรียมรับมือกันละ แต่ที่สำคัญ จะหนีไปไหนล่ะ อย่างไรเสีย ก็ขอภาวนาว่ากิสนา อย่าเข้ามาทำให้เมืองไทยปั่นป่วนเลย ข่าวว่ากิสนา จะเข้ามาถึงไทยในวันพุธที่ 30 กันยายน 2552 นี้ แต่จะอ่อนกำลังหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แค่ หาง ๆ หัว ๆ ก็ทำให้เพชบูรณ์ท่วมมาแล้ว และแว่วว่า หากน้ำจากเหนือลงมาถึงกทม. พอดีกับ กิสนา เข้าพอดี อะไรจะเกิดขึ้น น่ากลัวจัง
อย่างไรเสีย ทุกภาคส่วนของเมืองไทยคงต้องเตรียมรับมือพายุลูกนี้ไว้ให้ดี เพราะทางฟิลิปปินส์ แจ้งว่า เกิดหย่อมความกดอากาศอีกแห่ง ที่สามารถพัฒนาเป็นพายุไต้ฝุ่นได้ ฟังและเสียว หนาว ขนลุก สยอง รวมกัน

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

หม่อง : ผู้เปี่ยมด้วยรัก


หม่อง : ผู้เปี่ยมด้วยรัก
มีผู้กล่าวว่า “เมื่อมีเบื้องหน้า ก็ต้องมีเบื้องหลัง” เบื้องหน้าของผลสำเร็จที่ดี ย่อมมีสิ่งที่เป็นปัจจัยส่งเสริม สนับสนุนถ้าเราจะเปรียบเทียบเป็นความมั่นคงของตึกหลังหนึ่งที่ทนแดดทนฝน ไม่ว่าจะมีพายุ หรือน้ำท่วมตึกหลังนั้นจะไม่มีวันทรุด ร้าว ถล่ม หรือพังทลาย เนื่องจากมีการวางรากฐานของตึกให้มั่นคง เรื่องราวของเบื้องหลังที่จะบอกเล่าให้สังคมรับรู้ในที่นี้ คือ……….
หนุ่ม “หม่อง” ผู้มีดวงตาขี้เล่น รอยยิ้มที่เปิดเผยบ่งบอกถึงความจริงใจที่มีให้กับทุกๆ คน เขาเป็นชายหนุ่มที่มีถิ่นเกิด รวมถึงเป็นถิ่นที่อยู่ปัจจุบันคือ บ้านหนองนางแบน อาชีพน่ะหรือ..ช่างไม้ ช่างเชื่อม ช่างไฟ ช่างไหนๆ หม่องก็ทำได้ “สุดที่ใจจะไขว่คว้า” เป็นสรรพนามที่ผู้เรียบเรียงใช้เรียกเขา ฝีมือละเอียด ประณีต เขารักและใส่ใจในงานที่ทำ เขาเล่าว่า “ ปู่เลี้ยงผมมา ทำให้ผมได้สิ่งที่ดีจากปู่ ได้เรียนรู้ในการดำเนินชีวิตที่ดี จากปู่เพราะพ่อผมเสียชีวิต ตั้งแต่ผมยังเด็ก ปู่จึงเป็นเสมือนพ่อของผม ” เขาเล่าให้ฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย จากการสนทนาทำให้ทราบว่าแท้จริงแล้ว เขาเป็นคนรักครอบครัวและรักทุกอย่างที่คนในครอบครัวรัก เหนือสิ่งอื่นใดเขามีความ “ ขยัน หนักเอาเบาสู้ไม่เลือกงาน ” ประหยัด เป็นคุณสมบัติที่ติดตัวมาจากปู่ พอใจในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ถึงแม้ในอดีตเขาอาจจะเป็นชายหนุ่มที่ออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่พลิกผันไป แต่ปัจจุบันเขาตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว หม่องเล่าด้วยความภาคภูมิใจว่า “ ผมใช้ความรู้ทางช่างที่พอมีบ้าง ปลูกบ้านให้ลูก เมียอยู่เอง อยู่กันอย่างประหยัด หลังเล็ก ๆ ก็อยู่อย่างมีความสุขได้ ” หม่องรักสันโดษ ไม่ชอบสุงสิงกับใคร เป็นคุณสมบัติที่เจ้าตัวเผยในที่สุด
จึงนับว่าเขารู้จัก การจัดการที่จะทำให้ครอบครัวมีความสุข วิธีนั้นก็คือ ความรักนั่นเอง การให้ความรัก ย่อมนำสุขมาให้
เรียบเรียงโดย……ครูอดิศักดิ์ โลลุพิมาน
โรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาราม สพท.นฐ. 2

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

PhayaKong and Phaya Phan




PhayaKong and Phaya Phan by Mrs. Sunee Tianpungwian
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ซึ่ง นางสุนี เทียนพึ่งเวียน ตำแหน่งครูโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบมหามงคล เป็นผู้จัดทำขึ้น เป็นหนังสือส่งเสริมการอ่าน ช่วงชั้นที่ 2 สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ) เมื่อสอบถามและพูดคุยกับท่านอาจารย์สุนี เทียนพึ่งเวียน แล้วท่านเล่าให้ฟังว่า " หนังสือเล่มนี้ เป็น 1 ใน 9 เล่ม ที่ท่านได้่จัดทำขึ้น เพื่อฝึกให้เด็กรักการอ่าน เมื่ออ่านแล้วฝึกจับใจความของเรื่อง ที่สำคัญคือ สอดแทรกเรื่องราวที่ใกล้ตัวเด็ก คือเรื่องราวในท้องถิ่น ที่เด็กใกล้ชิดนี่เอง " นอกจากนี้ อาจารย์ ยังกล่าวด้วยอารมณ์ดีอีกว่า " เด็กเราไม่ค่อยใส่ใจภาษาต่างประเทศหรอก หากเป็นเรื่องราวที่เขาใกล้ชิด และเนื้อหาสาระไม่ยากเกิน เขาก็จะสนใจ และทำให้สนุกเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่มีในเล่ม " นี่เป็นมุมมองของท่านอาจารย์สุนี เทียนพึ่งเวียน ที่ทำนจัดทำหนังสือส่งเสริมการอ่าน และได้รับรางวัลจากสำนักเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม เขต 2 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา
นับว่าเป็นอีกหนึ่งความดี ที่สมควรยกย่อง ในความตั้งใจ ในการสร้างสรรสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับวงการศึกษาของชาวนครปฐม เขต 2 ในยามที่นักเรียน เบื่อหน่ายการเรียนภาษาอังกฤษ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในภาพรวมทั้งเขต สาระการเรียนรู้นี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ และในเมื่อท่านอาจารย์ สุนี เทียนพึ่งเวียนทำดี พวกเราสมควรให้กำลังใจท่านมิใช่หรือ นี่แหละเป็นความดีของคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่เราขอยกย่องในความดีของท่าน ขอชื่นชมท่านด้วยความจริงใจ

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

OTOP MIDYEAR THAILAND 2009


























เมื่อปลายเดือนก่อน มีโอกาสพาสาวน้อย ไปช๊อบช่วยชาติ ในงาน
Otop midyear 2009 ที่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 22 -30 สิงหาคม 2552
ณ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี งานใหญ่มาก เดินดูวันเดียวไม่ทั่ว
ก็ต้องไปอีกวัน ในวันสุดท้าย สินค้า ที่พ่อค้า แม่ค้านำมาจำหน่ายลดกระหน่ำ
ในช่วงนาทีทอง ผู้คนเลือกซื้อกันตามใจชอบ มีผลิตภัณฑ์ต่าง มากมาย
ตั้งแต่ พรมเช็ดเท้า จนถึงอัญมณี จุดประสงค์ของงานนี้ก็เพื่อขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
และเพิ่มช่องทางทางการตลาดให้กับสินค้าโอทอป
ผลการจัดงานตามรายงานจากกรมพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้
สร้างรายได้ให้ประชาชนถึง 700 ล้านบาท
น่าภูมิใจแทนประชาชนเหล่านั้นจริง ๆ
ก็ขนาดสาวน้อยบ้านผม ยังดั้นด้นไป ถึง 2 วัน อ้างว่าจะไปช๊อบช่วยชาติ
ช่วยประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจ แถมยังบอกอีกว่า วันแรก ๆ ยังดูไม่ทั่วเลย
เธอเว้าวอนว่า ไปกันนะ นะนะ
นี่.......เห็นแก่ชาติบ้านเมืองหรอกนะถึงยอม...(ตาม)....มาด้วย

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

แผนที่ความดีของ พี่ฮั้ว : ผู้สะสมบุญ



พี่ฮั้ว : ผู้สะสมบุญ

พี่ฮั้ว ตรีพงษ์ศิลป์ เป็นชาวหนองนางแบน ที่ใจบุญ มีคุณธรรม ทำบุญทั้งกำลังกาย ทั้งใจ และทั้งทุนทรัพย์ตั้งแต่หนุ่มจนปัจจุบัน

พี่ฮั้ว เป็นคนดี เป็นที่รักใคร่นับถือของคนในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นกิจการงานวัด หรือ โรงเรียน พี่ฮั้วช่วยด้วยความเต็มใจ เต็มกำลังความสามารถ หาทุนทรัพย์ โดยบอกบุญตามญาติ พี่น้อง เมื่อคิดจะช่วยแล้วต้องสำเร็จพี่น้องของท่านเป็นคนดีทุกคน พี่ฮั้วเป็นผู้ให้ ผู้เสียสละ สร้างความดีทุกเมื่อ ช่วยพัฒนาสังคม ท่านใจดีมาก พูดตรงไปตรงมาจะเตือนสติคนให้ทำดี ยึดมั่นในศีลธรรม ความเป็นพลเมืองดี ดิฉันฟังเรื่องของท่าน จากปากของคนในหมู่บ้าน มีแต่คำชมถึงตระกูลดีตรีพงษ์ศิลป์แล้วรู้สึกภาคภูมิใจแทน

วันหนึ่งดิฉันมีโอกาสได้ไปเยี่ยมท่านพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบของท่านและถามต่อเกี่ยวกับอาชีพของท่าน ท่านตอบยิ้มๆว่า ผมมีอาชีพทำสวน การทำสวนต้องตั้งใจ ใส่ใจต้องอดทนขยันหมั่นเพียร ไม่ฟุ่มเฟือยก็จะพอกิน ต้องรู้จักใช้ รู้จักเก็บก็จะมีเงินได้ ฟังแล้วท่านปฏิบัติตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง คุยกับท่านแล้วได้ข้อคิดหลาย ๆ อย่าง รวมถึงแนวปฏิบัติที่ดี ท่านพูดต่อว่า คนเราต้องมีศีลห้าข้อ จะทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุข เมื่อฟังแล้วฉันก็เห็นคล้อยตามอยากเป็นคนดีแบบท่านบ้าง ท่านทำบุญช่วยเหลือสังคม ใครที่อยู่ใกล้ท่านรู้สึกสบายใจ ท่านจะมีข้อคิดข้อปฏิบัติตนในชีวิต สร้างชีวิตตน ครอบครัว และสังคมมีสุขด้วยใจอันมีคุณธรรมของท่าน

พี่ฮั้วเป็นคนดี เป็นคนมีน้ำใจ ช่วยเหลือสังคม พัฒนาชุมชน ท่านและพี่น้องก็ยังช่วยสังคมอยู่ตลอดจนทุกวันนี้ ปัจจุบันคุณพี่ฮั้วชราลงมาก แต่ก็ยังคอยดูแลลูก ๆ

ทำงานสวนและเมื่อมีโอกาสท่านก็จะทำบุญให้ทาน ท่านยังทำบุญอยู่เสมอและตลอดไปตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

นางพิชญ์สินี สุดประเสริฐ ผู้เรียบเรียง

ครูโรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาราม สพท.นฐ. 2

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

ชีวิตนี้....กำหนดได้





" คนเราเกิดมา มีอาการครบ สามสิบสองก็นับว่าบุญแล้ว " นั่นเป็นคำพูดที่มักได้ยินได้ฟังจากผู้หลักผู้ใหญ่ พูดเตือนสติให้ฟังอยู่เสมอ แต่เมื่อมีร่างกายครบสามสิบสองแล้ว มีการกระทำอย่างไรละน่าสงสัย
วันก่อน ได้ไปร่วมงานแสดงมุทิตาจิต ครูผู้เกษียณอายุราชการที่ โรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย
สามพราน นครปฐม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม เขต 2 ก่อนพิธีแสดงมุทิตาจิต มีการมอบเกียรติบัตร แก่ผู้ที่ส่งผลงานเข้าประกวด ในกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ได้ฟังเรื่องจากผู้ได้รับรางวัลเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ท่านเสนอว่า " ชีวิตินี้....กำหนดได้" เป็นหนังสือส่งเสริมการอ่านระดับช่วงชั้นที่ 4 โดยนายไพรัช สุพรรณอ่วม ศึกษานิเทกศก์ สำนักงานเขตพื้นการศึกษานครปฐม เขต 2 ท่านเล่าว่า เนื้อหาสาระในหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการทำมาหากิน ความประพฤติและพฤติกรรมต่าง ๆ ของคนเรา โดยสอดแทรกการสั่งสอนคุณธรรมตามแนวทางของท่านพุทธธาตุ เช่น
- หากขยันไม่ว่าเป็นการเรียน หรือการทำมาหากิน ก็จะทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
- การทำความดี หากทำความดี ก็จะได้รับผลดีตอบสนอง
- กฏแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ ก็จะได้รับผลตอบแทนเช่นนั้น หรือใครทำก็ได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้
- ความอยาก หากมีความอยากมาก ก็ทำให้มีทุกข์มาก มีความอยากน้อย ก็ทำให้มีทุกข์น้อย
ไม่อยาก ก็จะไม่ทุกข์
สิ่งเหล่านี้ เป็นเครื่องเตือนสติ สำหรับเยาวชน ในระดับช่วงชั้นที่ 4 แต่เมื่อได้ฟังแล้ว ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะนักเรียนหรอก ผมเองได้ฟังแล้วคิดตาม ยังเห็นด้วยกับท่านผู้เขียนเลย ยังเตือนสติตัวเองให้ลดความอยากลงบ้างจะได้ไม่ทุกข์ ตามที่ผู้เขียนท่านกล่าว
หลังจากที่ได้ฟังท่านศน.ไพรัช กล่าวแล้ว สรุป ได้ว่า เราต้องการอะไร ต้องการเป็นอะไร ก็ตัวเราเองนั่นแหละเป็นผู้กำหนด จะรอโชควาสนาไม่ได้ สมแล้วกับที่ท่านได้รางวัล แม้จะเป็นเพียงรางวัลเล็ก ๆ ก็เถอะ ถือว่าท่านได้เตือนสติเยาวชนรุ่นหลัง ๆ แล้ว นี่แหละครับ ความดีของคนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร แต่เรากลุ่มครูด้วยกันขอชื่นชมกิจกรรมที่ท่านทำ ด้วยความจริงใจ

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

หญิงหนึ่งผู้นี้ ............คือใครกัน










หญิงหนึ่ง คนนี้ ที่ฉัน
ผูกพัน มอบใจ รักใคร่
เป็นผู้ มอบกาย มอบใจ
ให้ฉัน เติบใหญ่ สืบมา
หญิงหนึ่ง คนนี้ มอบรัก
ฟูมฟัก เลี้ยงบุตร ด้วยหวัง
เติบใหญ่ ลูกได้ มีพลัง
ยืนนั่ง ด้วยตน พ้นภัย
หญิงหนึ่ง คนนี้ กล้าแกร่ง
แข็งแรง มีพลัง สร้างฐานะ
ยืนหยัด สู้ชีวิต ไม่ลดละ
เพื่อจะ นำครอบครัว พ้นภัย
จากเกิด จนถึง อายุ
บรรลุ แปดสิบสี่ ปีกว่า
หญิงหนึ่ง คนนี้ เริ่มชรา
แต่ยัง แกร่งกล้า คุณความดี
ถึงแม้ ร่างกาย สูงวัย
แต่ใจ ยังแกร่ง นักหนา
ยังเผา ถ่านได้ ทุกครา
เก่งจริง แม่ข้า แม่คนดี
หญิงหนึ่ง คนนี้ ใครหรือ
เธอคือ แม่ฉัน ผู้ยิ่งใหญ่
ไม่ว่า แม่ฉัน เป็นใคร
พวกฉัน นั้นไซร้ ล้วนเทิดทูน
จะเก็บ ความรัก นี้ไว้
ในใจ ให้ลึก จิตฉัน
ยังมี แม่อยู่ ทุกคืนวัน
แม่ฉัน คนนี้ คนเดียว
ขอให้ แม่ฉัน เป็นสุข
หมดทุกข์ หมดภัย ทั้งหลาย
เป็นมิ่ง เป็นขวัญ ลูกหญิงชาย
ขอให้ สุขสบาย นานนาน

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

เวียดนาม...ที่รัก


























ศาลายา
เมื่อคราวไปเวียดนาม ช่วงปิดภาคเรียน ไปในฤดูฝน สนุกสนานดีครับ
ได้ดูการจัดการศึกษาของโรงเรียนระดับมัธยมที่เมืองดานังด้วย ตลอด Trip
ฝนตกตลอด แต่การท่องเที่ยวของเวียดนาม เขามีกลยุทธ์ในการพา
นักท่องเที่ยวทั้งหลายเที่ยวอย่างไม่กลัวฝน คือแจกเสื้อกันฝน ทุกวันที่มี
การเดินทางแล้วฝนตก ฝนมิได้เป็นอุปสรรคของการเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ
ดูกัน ซิครับ น่าสงสาร หรือน่าสนุก ที่สำคัญต้องขอขอบคุณ ผู้นำการ
เดินทางของครูคือ ท่าน ผอ.สามารถ รอดสำราญ ผอ.โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบวรนิเวศศาลายา ที่พาคณะไปศึกษาการจัดการศึกษาที่
ประเทศเวียดนาม ฝนมิได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนของเด็ก ๆเขาเรียน 2 ช่วงคือช่วงเช้า และช่วงบ่าย